Volvo กระโดดเข้าสู่ การพัฒนาเทคโนโลยีรถบินได้

บริษัท Terrafugia ผู้พัฒนารถบินได้ ถูก Volvo สาขาใหญ่ได้เข้ายึดครองซื้อกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 โดย Terrafugia  กลายมาเป็นบริษัทลูก ของ Volvo ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศอเมริกา 

คาดว่า เราจะได้เห็นรถบินได้ ครั้งแรกในปี 2019 

แต่ก็อาจจะต้องมีการเตรียมความพร้อมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการ จัดการจราจร ซึ่งทั้งหมดนี้ จะต้องมีการเรื่องความพร้อมในทุก ๆ ทุก ๆ ด้าน ทั้งเงินทุนและบุคลากร 

แต่ก็ไม่แน่ว่า ในปี 2019 นี้ เราจะได้เห็น รถคันนี้จริง ๆ เพราะยังไม่มีข่าว หลุดรอดจากบริษัท Volvo ถึงความคืบหน้าในการพัฒนาโปรเจคนี้

ที่มา : https://news.thaiware.com/11861.html

Forbes แนะ 5 เทรนด์ IoT น่าจับตามองในปีนี้

ปฏิเสธไม่ได้เลยกับความมาแรงของเทคโนโลยี Internet of Things ซึ่งเริ่มมีการใช้งานจริงจังเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ ในบทความนี้ Forbes แนะนำ 5 เทรนด์ IoT ที่น่าจับตามองในปี 2017

แอปพลิเคชัน IoT เฉพาะทาง

สินค้าประเภท thermostats และเครื่องใช้ภายในบ้านเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ยังคงขายได้ดีเรื่อยๆ และหนึ่งในเหตุผลก็เพราะสินค้าเหล่านี้มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทีชัดเจน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้อย่างดีเยี่ยม แอปพลิเคชันเฉพาะทางนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นไปอีก เช่นการนำ IoT ไปใช้ใน smart car, smart city, ระบบควบคุมอุณหภูมิ และระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน

IoT Marketplaces

พื้นที่ที่รวบรวมสินค้า IoT จากหลายๆเวนเดอร์ให้ลูกค้าทั้งรายย่อยและองค์กรได้เลือกซื้อนั้นจะช่วยให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี IoT ได้โดยไม่ต้องมีการลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก องค์กรสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์ IoT บางชิ้นไปทดลองใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ตลาดซื้อขายของ IoT นี้จะเปิดโลกของ IoT ให้กับธุรกิจหลายประเภท ในทำนองเดียวกับที่การมี marketplace ของโซลูชั่น CRM, sale, และการจัดการ finance

IoT & Big Data

หนึ่งในแอปพลิเคชันเฉพาะทางที่น่าสนใจที่สุดของ IoT ในปีนี้คือ IoT Analytics โครงข่าย IoT โดยเฉพาะบนคลาวด์นั้นมีการเก็บข้อมูลจำนวนมากอยู่แล้ว IoT Analytics สามารถนำข้อมูลดังกล่าวสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆที่อาจไม่เคยพบมาก่อนแก่ตัวธุรกิจเองหรือลูกค้า และการมาของเทคโนโลยี IoT จะทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่นั้นไม่ถูกจำกัดอยู่กับองค์กรขนาดใหญ่อีกต่อไปอีกด้วย

IoT & Machine Learning

IoT นั้นถือเป็นการเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมหาศาลจากอุปกรณ์ IoT จะเป็น input ชั้นดีแก่แอปพลิเคชัน Machine Learning ทำให้แอปพลิเคชันมีโอกาสที่จะค้นพบแพทเทิร์นหรือคำตอบใหม่ๆ ซึ่งเมื่อนำไปใช้กับการวิเคราะห์ก็อาจได้ผลลัพธ์ที่ดีและน่าสนใจยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยของระบบ IoT

ความปลอดภัยในระบบ IoT นั้นเป็นหนึ่งในความกังวลใจที่มีควบคู่มาตลอดกับการเติบโตของ IoT ความพยายามในการแก้ไขปัญหานี้มีมาอย่างสม่ำเสมอรวมถึงในปีนี้เช่นกัน เช่น การนำเทคโนโลยีใหม่เช่น Blockchain มาทดลองเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบ การสร้างความปลอดภัยของระบบ IoT ก็นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ยังต้องการการพัฒนาไอเดียหรือ product ใหม่ๆที่สตาร์ทอัพไม่ควรมองข้ามในปีนี้

ที่มา : https://www.techtalkthai.com/forbes-2017-5-iot-trends/

คลังเล็งแจกซิมเน็ตพ่วงสมาร์ทโฟน ให้ผู้ถือบัตรคนจนหวังเข้าถึงความรู้และการสร้างอาชีพ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าการแจกสิ่งที่อินเตอร์เน็ตฟรีให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียน ประมาณ 11ล้านคน ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน และมั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์ในการเพิ่มความรู้เพิ่มขึ้น สามารถประกอบอาชีพพัฒนาฝีมือแรงงานได้ในระยะยาว และ

ก็จะหลุดพ้นจากการเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือจากฐบาล

แต่ในกรณีแจกซิมฟรีให้กับผู้ที่มีรายได้นอนนั้น พบว่า มีการแจกจ่ายซิมอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยออกไปแล้วผู้ที่ได้รับไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะหาซื้อสมาร์ทโฟน หรือเครื่องมือที่จะใช้กับซิมการ์ดได้ดังนั้นกระทรวงการคลัง จึงได้พิจารณาว่าจะต้องมีการแจกสมาร์ทโฟนพ่วงกับซิมอินเทอร์เน็ตหรือไม่โดยจะต้องมีการดูอีกที แต่ในเบื้องต้นซิมอินเทอร์เน็ตนั้นจะมีการจ่ายค่ารายเดือนให้ด้วย

บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้เข้าร่วมโครงการ

และเนื่องจากคงไม่สามารถไปทำสัญญากับบริษัท AIS DTAC หรือ true move ได้จะถูมองว่าเป็นการเอื้อให้เอกชนอีกหรือไม่ นายอภิศักดิ์กล่าวว่ามันจะกลางการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย ในระยะแรกเช่นการช่วยค่าครองชีพรายละ 200 ถึง 300 บาทการอุดหนุนค่าเดินทางเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพโดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี ซึ่งแต่ละคนจะรับการช่วยเหลือไม่เหมือนกันค่าใช้จ่ายในบางราย ถ้ามีความจำเป็นจะต้องใช้ต้องใช้ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใช้รั ฐบาลไม่ได้บังคับให้ใช้ทั้งหมดแต่ในระยะที่ 2 จะทำอย่างไรให้คนกลุ่มดังกล่าวหลุดพ้นจากเส้นความยากจนได้นั้นจะต้องมีงานต้องมีการให้ความรู้ รัฐบาลจึงจะต้องช่วยคนกลุ่มนี้ให้หางานให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการแจกซิม.net จะมีการเสนอพร้อมทั้งมาและการแพคเกจช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยให้ฝึกอาชีพที่จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในธันวาคมนี้ โดยเบื้องต้นจะไม่มีการสรุปงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการเพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษารายละเอียด

Credit www.pptvhd36.com ,www.bagaboo.com

ไอรอนแมนจากหนังสู่โลกความเป็นจริง(มีคลิป)

ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Richard Browning นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ ได้รับการบันทึกลงในกินเนสเวิลด์เรคคอร์ดว่า ชุดสูทเครื่องไอพ่นของเขา มีความเร็วมากที่สุดในโลกโดยมีความเร็วถึง 32.02 ไมล์ต่อชั่วโมง

Browning  กล่าวว่า เข้าลงทุนไปกับบริษัทประมาณ 50,000 ดอลล่าร์ และก็ได้มีการประกาศระดมทุน เพิ่มเติมอีกว่า 650,000 ดอลล่าร์ พอดีจะทำโปรเจคนี้ให้เสร็จ โดยเข้าใช้ เครื่องไอพ่นขนาดเล็ก 6อัน โดยไอพ่นแต่ละตัว สามารถ รับน้ำหนักได้ถึง 22กิโลกรัม จึงทำให้เขา ลอยขึ้นจากอากาศ รวมถึงสามารถควบคุม การบิน ได้เหมือนไอรอนแมน

ชมคลิป

Credit http://www.wired.co.uk

ไฟฟ้าจากอุณหภูมิร่างกาย Peltier อีกสักรอบ

  จากที่ทำบทความ Peltier(แผ่นร้อนเย็น) เมื่อเช้า ( อ่าน ตู้เย็นจากของเหลือใช้ และทำความรู้จัก PELTIER(เพลเทียร์ ) และแล้วก็เกิดไอเดียขึ้น เอ...ถ้าเราให้กระแสไฟฟ้าแล้วมันปล่อยพลังงานออกมา(ร้อน/เย็น) แล้วถ้าเราให้พลังงานเข้าไปแล้วมันจะได้ไฟฟ้าออกมามั้ย หลังจากนั้นเหตุการณ์นี้ก็เริ่มทันที

อุปกรณ์

• มัลติมิตอร์
• แผ่น Peltier เปล่าๆ 

ก็เริ่มกันเลยผมก็เปิดมัลติมิเตอร์ทันที แล้วก็เอาขั้วของมัลติมิเตอร์วัดที่สายไฟของ Peltier ความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น กระแสไฟฟ้าก็แสดงผลที่ 0.000 แล้วผมก็ยัดเยียดพลังานความร้อนให้โดยการเอามือแตะที่ด้านร้อน ปรากฏว่า มาเลยครับที่นี้ เลขวิ่งมาที่ 0.068V เห้ยนี่มัน Free Energy เลย ความคิดก็เริ่มพรั่งพรู ถ้าเรามีจำนวนแผ่นแปะตัวหลายๆอันเป็นแผ่นแปะตราเสือทั่วตัวนี่มันไม่ชาร์จโทรศพท์ได้เลยเหรอะ อันนี้แค่คิดนะครับงบยังไม่มีแต่มันน่าลองจริงๆ ถ้าใครจะให้ลองทำก็บริจาคแผ่นมาก็ได้ครับ ผมจะจัดให้สักคริป 55555 สำหรับวันนี้ก็เท่านี้ก่อน เดี๋ยวมีอะไรจะมาโม้ให้ฟังใหม่ครับ สวัสดี

ตู้เย็นจากของเหลือใช้ และทำความรู้จัก Peltier(เพลเทียร์)

บางทีการขับรถไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เราก็ต้องมีเครื่องดื่มหรืออาหารสดติดรถ ติดไม้ติดมือไปด้วย ทีนี้สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือน้ำแข็ง เพื่อรักษาความสด หรือทำให้เครื่องดื่มเย็นดื่มและก็ชื่นใจ แต่เราก็คงจะพอจะรู้ว่าพอน้ำแข็งมันละลายมันก็ไม่ได้น่าอภิรมณ์สักเท่าใหร่ ครั้นจะเอาตู้เย็นมาด้วยมันก็จะลำบากกัน โปรเจคนี้เราเลยมาทำตู้เย็นแบบพกพาไปใหนก็ได้ง่ายๆกันดีว่า ไม่ต้องต่อปลั๊กไปให้ยุ่งยากอีกด้วย

อุปกรณ์

• กล่องเก็บความเย็น, กล่องโฟม, ถังน้ำแข็ง หรืออะไรก็ได้ที่คิดว่ามันเก็บความเย็นได้
• Heat Sink พร้อมพัดลมระบายความร้อน อันนี้ใช้ของคอมพิวเตอร์เก่าก็ได้นะครับ หรือจะซื้อก็ไม่วากัน ราคาก็ตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไปแล้วแต่ประสิทธิภาพ
• พระเอกของเราเลย Peltier (เพลเทียร์) หรือแผ่นร้อนเย็น  ราคาประมาณ 150 บาท ซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค บ้านหม้อ ฯลฯ
• ซิลิโคนนำความร้อน ร้านคอม ร้านอุปกรณ์คอม หรือใหนๆถ้าไปบ้านหม้อละก็ซื้อมาเลยครับ ราคาประมาณ 10-50 บาทต่อหลอด
• หม้อแปลง 12 v. ,แบตลิเที่ยมโพลิเมอร์(Li-po) 11.1v.  ,หัวต่อไฟจากรถ อันนี้แล้วแต่ออกแบบนะครับ จะต่อไฟบ้านก็ใช้หม้อแปลงหรืออแดปเตอร์ 12v. ใช้แบตก็พกพาสะดวกที่สำคัญอย่าลืมที่ชาร์จ หรือหัวต่อที่จุดบุหรี่จากรถก็สะดวกในการติดรถไปที่ต่างๆได้

วิธีการ

  จริงๆไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยครับ ง่ายๆเลยคือ เมื่อป้อนไฟฟ้ากระแสตรงเข้าตัวมัน จะทำให้มันเกิดการถ่ายเทพลังงานความร้อนขึ้นทำให้ด้านหนึ่งร้อน และอีกด้านหนึ่งจะเย็นซึ่งด้านร้อนจะร้อนถึง 90 องศาดังนั้นจึงควรมีแผ่นระบายความร้อนไม่ให้มันร้อนเกินจน เกิดความเสียหายขึ้นได้ ส่วนด้านเย็น จะเย็นจนติดลบเลยทีเดียว(ลบ 5 ถึงลบ 10)ขึ้นอยู่ที่ขนาดและกำลังของแผ่น 

เริ่มจากนำซิลิโคนทาด้านร้อนหรือด้านที่หากมองจากสันของแผ่นด้านขั้วลบ ด้านร้อนจะอยู่ซ้ายมือตามภาพ และยึด Heat sink เข้ากับ Peltier แล้วทำการต่อสายไฟ

การต่อไฟฟ้าก็ง่ายๆเลยครับ ขั้วสีแดงคือบวก(+) สีดำคือลบ( -) ต่อกระแสไฟส่งให้พัดลมด้วยเพื่อระบายความร้อน และสุดท้าย เจาะช่องภาชนะที่นำมาใช้ เห็นมั้ยครับง่ายแสนง่าย  อ้อที่สำคัญถ้าจะให้ดีต่อสวิตช์เปิดปิดเข้าไปด้วย ทีนี้ก็สบายละครับลาก่อนน้ำแข็งสำหรับแช่ของต่างๆ ลองทำดูนะครับ มันง่ายและไม่แพงอย่างที่คิด แล้วคุณจะภูมิใจเวลาเอาไปอวดใครๆ

การทำงานของแผ่น Peltier

ทีนี้มาทำควารู้จักแผ่นเพลเทียร์(peltier)
"แผ่นร้อนเย็น Peltier"
เทอร์โมอิเล็กทริค คูลเลอร์ เพลเทียร์ TEC (Thermoelectric Cooler Peltier) ซึ่งเป็นแผ่นที่สามารถสร้างความเย็นได้ที่ด้านหนึ่ง และปล่อยความร้อนออกมาที่อีกด้านหนึ่ง เพียงแค่จ่ายไฟฟ้ากระแสตรงเข้าไปเท่านั้น

"หลักการทำงานของแผ่นเพลเทียร์"
หลักการทำงานของแผ่นทำความเย็นเพลเทียร์นั้น เป็นหลักการที่มีชื่อว่า เทอร์โมอิเล็กทริก (Thermoelectric) หลักการทำความเย็นแบบนี้เกิดขึ้นได้ โดยการใช้สารกึ่งตัวนำแบบ พี-เอ็น (P-N Type)

ซึ่งสารกึ่งตัวนำแบบพี-เอ็น คือส่วนประกอบหลักของแผ่นทำความเย็นเพลเทียร์ โดยการทำความเย็นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ มีการจ่ายไฟฟ้ากระแสตรง(Direct Current : DC) หรือไฟดีซี ให้กับแผ่นทำความเย็นเพลเทียร์ เพราะเมื่อกระแสไฟฟ้าเดินทางผ่านวัสดุที่มีคุณสมบัติเป็นสารกึงตัวนำแล้วก็จะเกิดการทำปฏิกิริยาขึ้น

สารกึงตัวนำ แบบพี-เอ็น ซึ่งต่างชนิดกัน เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ก็จะมีการดูดกลืนกันของอิเล็กตรอนที่เคลื่อนจากระดับพลังงานต่ำทางด้านสารกึ่งตัวนำแบบพี ไปสู่ระดับพลังงานที่สูงกว่าทางด้านสารกึ่งตัวนำแบบเอ็น กระบวนการดังกล่าวส่งผลให้ที่ผิวด้านหนึ่งของแผ่นเพลเทียร์มีการดูดพลังงานความร้อน ซึ่งก็ได้จากความร้อนที่อยู่โดยรอบนั่นเอง เมื่อความร้อนในบริเวณรอบๆถูกดูดเข้ามา ก็จะทำให้ในบริเวณนั้นมีอุณหภูมิต่ำลง ซึ่งด้านนี้ก็คือด้านทำความเย็นนั่นเอง

และในขณะเดียวกัน ก็จะเกิดการดูดกลืนของอิเล็กตรอนจากระดับพลังงานที่สูง ในสารกึ่งตัวนำแบบเอ็น สู่ระดับพลังงานที่ต่ำกว่า ในสารกึ่งตัวนำแบบพี ส่งผลให้เกิดการคายความร้อนออกมาที่บริเวณผิวหน้าของอีกด้านหนึ่ง

"IOT" ใครยังไม่รู้จักยกมือขึ้น

"IOT" ใครยังไม่รู้จักยกมือขึ้น 

 ก่อนที่ประเทศไทยจะไป 4.0 เราๆท่านๆต้องรู้จักอะไรบ้างก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา

"IOT" ย่อมาจากคำ 3 คำคือ "Internet Of Things" และมันก็ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบคือ

• Sensor คือ ระบบตรวจจับ หรือเครื่อมือตรวจจับทั้งหลาย เช่น ตรวจวัดอุณหภูมิ, การเคลื่อนใหว, วัดอัตราเร่ง, และระบบประมวลผลจากภาพ(Vision)
• Connectivity คือ ช่องทางหรือหนทางการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเครือข่ายหรือ Internet (ใช่สิ แล้วมันจะ IOT ยังไงถ้าไม่มีอินเตอร์เน็ต 555)
• People & Processes (อ้าว!! ก็ 4 นะสิ. เดี๋ยวๆ อ่านก่อนนะครับ) อีกปัจจัยนึงคือมนุษย์และขั้นตอน ก่อนจะมีขั้นตอนต้องมีปัญหาและปัญหาก็เกิดจากมนุษย์ และสุดท้ายก็ใช้ Process ควบคุมให้เป็นอัตโนมัติ

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา

           จริงๆแล้วระบบการตรวจวัดตรวจจับอะไรต่างๆเหล่านี้มีใช้ในวงการอุตสาหกรรมมานานแล้ว และเมื่อเทคโนโลยีราคาถูกลง ก็มีความคิดว่าในสำนักงาน ในบ้าน หรือที่พักอาศัย ก็น่าจะนำมาใช้ได้ การพัฒนาจึงกระจายและเกิดวงกว้างมากขึ้น กลุ่มคนที่สนใจและพัฒนาจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

           ใกล้ตัวเราๆท่านๆ ทุกวันนี้และส่งผลกระทบมาก คือ........กล้องตรวจจับความเร็ว ใช่ครับมันีครบองค์เลยละ การตรวจจับ ระบบเครือข่าย และขั้นตอนการประมวลผลจนกระทั่งออกมาเป็นใบสั่ง แม้กระทั่งระบบราคาในปั้มน้ำมันที่จะเชื่อมโยงราคาจากส่วนกลางไปที่ตู้จ่าย และป้ายราคาขนาดใหญ่ และเล็กลงมาหน่อย แม้แต่กล้องวงจรปิดตามบ้านที่มีระบบการเตือนผู้บุกรุกก็เป็น IOT  และใน และประเทศเราเองกำลังจะเข้าสู่ยุคของผู้สูงอายุ หมายถึง จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้น และเทคโลโลยีการดูแลผู้ป่วยระยะใกลจะเข้ามาให้เราได้ดูแลท่านเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

และในอนาคต

       ทุกๆสิ่งอย่างรอบตัวเราจะสามารถต่อเชื่อมเข้าระบบอินเตอร์เน็ตได้ เช่นตู้เย็นสั่งผัก นม น้ำ ได้อัตโนมัติ ห้องครัวเตรียมอาหารให้อัตโนมัติเมื่อถึงเวลาที่เจ้าของบ้านจะกลับถึงบ้าน ภาคการเกษตรการตรวจวัดค่าต่างๆของดิน แสง อุณหภูมิจะถุกตั้งค่าและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมได้ และอื่นที่ที่แทบจะคิดไม่ถึง จนในอนาคตเราอาจจะนั่งบังคับหุ่นยนต์ทำงานแทนเราจากที่บ้านก็ได้

Logo Apple ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

"อะไรกำลังจะเกิดนอีก 5 ปี ข้างหน้า" เทคโนโลยี Timeline 2019-2023

                 จากคำพูดที่ว่า "เวลาเปลี่ยนทุกสรรพสิ่ง" ไม่ว่าคำกล่าวนี้ใครจะเป็นคนพูด แต่สิ่งที่เปลี่ยนโลกจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันก็คือ เทคโนโลยี มาดูกันว่านับจากนี้เป็นต้นไปอะไรจะเข้ามาเปลี่ยนโลกที่เราอยู่บ้าง





2019 ดวงตาสะกดทุกสรรพสิ่ง

       เทคโนโลยีจดจำใบหน้าอาจจะล้าหลังไปแล้ว เทคโลโลยีล้ำๆที่มนุษย์จะควบคุมทุกอย่างเพียงแค่ใช้ดวงตา ทีนี้คงพูดได้เลยว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจจริงๆ

2020 ปาปีรุสสุดล้ำ

       การตรวจวัดโรคต่างๆที่จะต้องใช้เครื่องมือระโยงระยางจะหมดไป จะกลายเป็นเพียงกระดานหรือกระดาษบางๆ แสดงผลตรวจวัดต่างๆ ที่จะช่วยตรวจโรคร้ายและมหัตภัยต่างเช่น อีโบล่า, 

ซิก้า, ใข้หวัดนก ฯลฯ

2023 ย้อนรอยวายร้าย

       ได้เวลาแก้แค้น การนำสารประกอบอินทรีย์มาเพื่อยับยั้งการเติบโตของสิ่งมีชีิวิตประเภทแบคทีเรียที่เป็นอันตราย







โดยในช่วงแรกนี้การเติบโตของเทคโนโลยีอาจจะยังไม่ถึงขั้นก้าวกระโดดเนื่องจากตั้งแต่เราค้นพบ Nano Technology แล้วการเป็นมายังค่อยเป็นค่อยไปในระดับการปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้นนั่นเอง